xml sitemap generator


องค์หลวงพ่อโสธร 
นี่ก็ผ่านเรื่องราวของน้องปัน ปัน เกี่ยวกับหน้าผากแตกมาตอนเช้าเราสามคนก็เดินทางกลับโคราชกัน แต่ช่วงที่เดินทางกลับ ก็ได้พาน้องปัน ปัน ไหว้หลวงพ่อโสธรครับ ซึ่งก็เป็นอีกทริปหนึ่งที่พ่อปัน ปัน ภูมิใจเสนอครับ


หลวงพ่อโสธร

เราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าครับเพราะแม่ปัน ปัน เตรียมของไว้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้ใช้เส้นทางสาย 36 ระยอง-ชลบุรี ผ่านเข้ามอเตอร์เวย์ครับ หลังจากถึงจุดพักภายในมอเตอร์เวย์ ก็เตรียมตัวเลี้ยวซ้ายเพื่อไป “ฉะเชิงเทรา” และวัดหลวงพ่อโสธร กันต่อไป


น้องปัน ปัน ไหว้หลวงพ่อโสธร
 
วัดหลวงพ่อโสธรนี้พ่อปัน ปัน จำไม่ได้ว่าเดินทางมาแล้วกี่ครั้งแต่ว่าในแต่ละครั้งก็ไม่มีความเบื่อเลยครับ สำหรับครั้งนี้ก็ได้พาน้องปัน ปัน มาไหว้ด้วย เพราะสัญญาญกับแม่ปัน ปัน ไว้นานแล้วว่าถ้าน้องปัน ปัน โตขึ้นมาหน่อยเดินได้ก็จะพาน้องปัน ปัน มาไหว้หลวงพ่อโสธรครับ

น้องปัน ปัน พอเข้าไปในโบสถ์หลังใหม่ได้ก็นั่งไหว้เสร็จก็จะเดินสำรวจไปทั่วเลยครับ เพราะว่าช่วงที่พาน้องปัน ปัน ไปไหว้นั้นเป็นวันพุธ ซึ่งคนที่ไปไหว้ยังไม่ค่อยมากครับ เลยสะดวกสบายหน่อยครับ เรียกได้ว่าถ่ายรูปแบบสบายๆ เลยครับ น้องปัน ปัน ก็เดินเล่นแถวๆนั้นแบบสบายใจมากครับ


น้องปัน ปัน หิวนมแล้วครับ 

พ่อปัน ปัน เก็บภาพต่างๆ ของวัดหลวงพ่อโสธรมาฝากด้วยครับเพื่อเป็นไกด์สำหรับผู้ที่ต้องการจะไปไหว้ครับ แต่ว่าขอบอกครับ ถ้าเราไปวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ คนจะเยอะมากเลยครับแต่ก็สนุกไปอีกแบบครับ


ปัน ปัน ยืนกินนม
อีกหนึ่งมุมุมองในการกินนมของน้องปัน ปัน ครับหลังจากที่วิ่งเล่นจนเหนี่อยแล้วก็มานั่งและยืนกินนม ตามประสาเด็กๆ เล็กครับ

กว่าที่เรา 3 คนจะเดินทางต่อไปยังโคราชก็ปาเข้าไปประมาณเกือบบ่าย 2 โมงแล้วครับเพราะต้องใช้เวลาเดินทางไปอีกประมาณ 2-3 ชม.ครับกว่าจะถึงโคราชเพราะพ่อปัน ปัน ขับรถไม่เร็วครับ

ถึงโคราชประมาณ 4 โมงครึ่งครับน้องปัน ปัน ก็ได้นอนพักผ่อนบนรถมาแล้วพอมาถึงบ้านคุณยายเลยได้วิ่งเล่นต่อไปเลย เรียกได้ว่าไม่เสียเวลาในการเล่นของน้องปัน ปัน เลยครับ น้องปัน ปัน กลับมาบ้านยายก็ดีใจใหญ่เลย วิ่งไปหาคนโน่นคนนี้ทีครับ เพราะมาอยู่กับพ่อปัน ปัน หลายวันครับ

สำหรับวัดหลวงพ่อโสธรพ่อปัน ปัน แนะนำให้ไปไหว้ครับ เพราะนอกจากจะเป็นสิริมงคลแก่ตนเองแล้วก็ยังได้ไปเที่ยวดูบ้านเมืองของ “ฉะเชิงเทรา” ครับพ่อปัน ปัน แนะนำครับที่นี่อาหารอร่อยๆ หลายร้านครับ เพราะมีแม่น้ำบางปะกงไหลผ่านครับ ทำให้มีอาหารเกี่ยวกับปลาเยอะแยะครับ อีกอย่างที่นีถ้าเป็นอาหารเกี่ยวกับปลาต้องยกนิ้วให้คนจีนครับรับรองอร่อยครับ


น้องปัน ปัน หน้าผากแตก

เรื่องนี้เกิดการความประมาทของพ่อปัน ปัน ครับที่ดูแลน้องปัน ปัน ไม่ดีเองเลยต้องทำให้น้องปัน ปัน หน้าผากแตก เรื่องมีอยู่ว่าหลังจากที่เรากลับมาจากเที่ยว “แหลมแม่พิมพ์” ในวันที่ 16 กพ. ผ่านมา

น้องปัน ปัน กำลังกระโดดเล่นอยู่ในห้องนอนกับพ่อปัน ปัน เพียงแต่พ่อปัน ปัน แกล้งน้องปัน ปัน ว่ากำลังนอนหลับอยู่ซึ่งก็ทำให้น้องปัน ปัน ก็เข้าใจว่าพ่อปัน ปัน หลับอยู่จึงลุกขึ้นกระโดดลงจากที่นอนเพื่อที่จะมาเล่นกับพ่อปัน ปัน แต่บังเอิญว่าที่นอนมันสูงประมาณ 1 ฟุต (ที่นอนมาตราฐานทั่วๆไป)

เกิดหกล้มอย่างแรงหน้าผากไปกระแทกกับเหลี่ยมเสาที่มีความคมเข้า เท่านั้นแหล่ะครับเป็นเรื่องเลย น้องปัน ปัน ร้องจ๊ากเลยครับเพราะหน้าผากแตก ร้องอยู่ตั้งนานเพราะแผลลึกพอสมครวครับแถวยังมีความยาวเสียด้วย

พ่อกับแม่ปัน ปัน ก็เลยต้องพาน้องปัน ปัน ไปที่โรงพยาบาลทันที่กว่าจะไปถึงก็เป็นเวลาประมาณ 19.30น เข้าไปหมอแล้วครับและต้องไปที่แผนกฉุกเฉินทันที่ครับ ตอนนี้น้องปัน ปัน ก็ยังร้องอยู่ครับเพราะว่าคงเจ็บมากครับ ไปถึงต้องรอหมอกลับมาจากตรวจไข้เสียก่อนครับ เรียกได้ว่านั่งรอแบบใจจดใจจอเลยก็ว่าได้ครับ

กว่าที่หมอจะเย็บแผลให้น้องปัน ปัน ก็ตกเกือบ 2 ทุ่มครึ่งและเย็บทั้งหมด 4 เข็มด้านในเย็บ 1 เข็มด้านนอกเย็บ 3 เข็ม น้องปัน ปัน ก็เอาแต่ร้องครับเพราะหมอไม่ให้พ่อและแม่ปัน ปัน เข้าไปวุ่นวายครับ เพราะจะกลัวว่าทำใจไม่ได้ครับ พอเย็บเสร็จพยาบาลก็มาเรียกพ่อปัน ปัน ให้ไปดูน้องปัน ปัน

พอน้องปัน ปันเห็นพ่อก็หยุดร้องครับ ก็เลยอุ้มออกมาเตรียมจ่ายค่ายาครับ สำหรับค่าใช้จ่ายครั้งนี้อยู่ที่ 3,383 บาท ครับนอกจากนั้นหมอยังจ่ายยาฆ่าเชื้อมาด้วยครับ พวกเราสามคนเดินทางกลับมากึงบ้านก็ประมาณ 3 ทุ่มครึ่งครับน้องปัน ปัน ก็นอนหลับไปแล้วครับคงร้องจนเหนี่อย

คุณหมอนัดให้ไปล้างแผลทุกวันครับเพราะเป็นแผลสด และห้ามให้แผลโดนน้ำเพราะอาจทำให้แผลเน่าได้ครับ สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ต้องทำให้พ่อปัน ปัน เสียใจที่ไม่ดูแลน้องปัน ปัน ให้ดีเรียกได้ว่าประมาทเลินเล่อครับ เพราะโดยปกติพ่อปัน ปัน จะไม่ปล่อยให้น้องปัน ปัน ห่างเลยก็ว่าได้ครับ

พ่อปัน ปัน ขอฝากเตือนเพื่อนๆ ที่มีลูกในวัยเดียวกันกับน้องปัน ปัน โดยเฉพาะเด็กผู้ชายอย่างน้องปัน ปัน เพราะเป็นวัยที่อยากรู้อยากเห็นสิ่งต่างๆ อีกทั้งอยู่ในวัยซนด้วยครับ ชอบเรียนรู้สิ่งต่างๆ เราที่เป็นผู้ใหญ่ต้องให้ความระมัดระวังอย่างมากครับจะได้ไม่เสียใจในภายหลังครับ

วันนี้พ่อปัน ปัน นำสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดระยอง มาแนะนำครับซึ่งนอกจากเกาะเสม็ด ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของทุกๆคน

น้องปัน ปัน เคยมาเที่ยวจังหวัดระยองแล้วครับ และครั้งนี้ก็เป็นครั้งที 3 แล้วที่ปัน ปันมาเที่ยวบ้านของพ่อเอกครับ สถานที่พ่อปัน ปัน พาน้องปัน ปัน ไปเที่ยวก็คือ “แหลมแม่พิมพ์” ซึ่งเรา 3 คนออกเดินทางกันตอนประมาณ 15.00น ระยะทางจากบ้านพักไปทีแหลมแม่พิมพ์ก็ประมาณ 35 กิโลเมตรครับ

IMG_2300  
รูปนนี้น้องปัน ปัน กำลังสนุกกับการเล่นทรายครับ ตามประสาของเด็กๆ ที่เจอสิ่งใหม่ๆ ซึ่งช่วงแรกๆ น้องปัน ปัน ก็ไม่กล้าถอดรองเท้าครับ แต่พอได้สัมผัสกับพื้นทรายแบบเต้มก็ชอบครับ

IMG_2307

ของเล่นอีกชิ้นหนึ่งที่พ่อปัน ปัน ซื้อจากบริเวณแหลมแม่พิมพ์ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการกระจายรายได้สู่ชุ่มชนครับ

IMG_2312

รูปนี้เป็นบรรยากาศของแหลมแม่พิมพ์ในวันทำงานปกติซึ่งไม่ใช่วันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งถ้าเป็นวันหยุดก็จะมีคนจากต่างถิ่นมาเที่ยวกันอย่างมากมายครับ

IMG_2314

บรรยากาศอีกหนึ่งมุมมองของแหลมแม่พิมพ์ครับ ตามหาดทรายจะมีห่วงยางไว้คอยบริการให้นักท่องเที่ยวได้เช่าหากันครับ

IMG_2317

รูปนี้เป็นตอนเย็นๆ ก่อนที่จะพาน้องปัน ปัน กลับบ้านพักครับ เป็นมุมหนึ่งของแหลมแม่พิมพ์ในยามเย็นครับ

IMG_2326

รูปนี้พ่อปัน ปัน มือไวกดซัตเตอร์พอดีครับ พี่เค้าคงกำลังค้นหาอะไรซักอย่างครับ ซึ่งอาจจะพบเห็นได้ทั่วๆ ไปตามชายหาดแหล่งท่องเที่ยวของไทยครับ

IMG_2334

เห็นรูปนี้แล้วคงเดากันได้นะครับว่าน้องปัน ปัน กำลังต้องการจะไปที่ไหน หลังจากเล่นทรายจนเบื่อแล้วก็เตรียมจะไปเล่นน้ำทะเลครับ

IMG_2336

รูปสุดท้ายครับกำลังสนุกกับการเล่นน้ำครับ พ่อปัน ปัน เล่นต้องเอากล้องคู่ใจไปเก็บแล้วก็มาพาน้องปัน ปัน ไปเล่นน้ำทะเลครับ ต้องขอเตือนผู้ปกครองนะครับเวลาไปเล่นน้ำทะเลกับเด็กๆ ต้องระวังเป็นพิเศษอย่าประมาทเด็ดขาดครับ เพราะทะเลเราไมสามารถคาดเดาได้ครับว่าอะไรจะเกิดขึ้น

วันนี้ส่วนมากจะเน้นเรื่องรูปเป็นพิเศษครับ บางครั้งตัวหนังสือหลายร้อยตัวอักษรก็ไม่เท่ากับรูปภาพเพียงรูปเดียวครับ พ่อปัน ปัน ขอแนะนำครับสำหรับท่านใดที่ต้องการมาเที่ยวทะเลแถบตะวันออกก็ครวจะมาในช่วงนี้ครับจนถึงต้นเดือน พค ครับเพราะทะเลจะสวยมากครับ น้ำใสเขียวมรกตครับ แต่ถ้าเลยช่วงนี้ไปก็จะเป็นหน้าฝนก็ไม่น่าเที่ยวแล้วครับ เพราะน้ำทะเลจะดำและอันตรายครับ

วัยกรี๊ด

เขียนโดย akekoksom | 23:25 | 0 ความคิดเห็น »


 วัยกรี๊ด  

พูดถึงเรื่องกรี๊ด…ดดด ถ้าใช้ผิดที่ผิดเวลากคงไม่เหมาะสม แต่สำหรับวัยเด็กๆ อย่างน้องปัน ปัน เป็นการบ่งบอกว่าเป็นพัฒนาการของเด็กขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งนะครับ เพื่อที่จะบอกให้ผู้ใหญ่รู้ว่าตัวเค้าเองมีพลังนะครับ

พ่อปัน ปัน และแม่ปัน ปัน ได้เจอกับตัวเองครับถึงเหตุการณ์ที่ลูกชาย ร้องกรี๊ดๆ เวลาที่ต้องสิ่งขออะไร ก็ตามหรือแม้แต่เวลาไม่ได้สิ่งใดๆ ทันใจก็จะกรี๊ดครับ ซึ่งบางครั้งเล่นอยู่กับเพื่อนๆ ที่เป็นพี่เวลาปัน ปัน หัวเราะดีใจแบบสุดๆ ก็ยังกรี๊ดเลยครับ

พ่อปัน ปัน กำลังจะบอกว่าเด็กในวัยขนาดน้องปัน ปัน ยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้นั่นเอง ยังแยกแยะไม่ออกว่า กรี๊ดเสียงดังๆ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น เพราะเค้ายังสื่อสารด้วยคำพูดให้เราเข้าใจยังไม่ได้ เลยต้องหาวิธีพัฒนาเพื่อจะสามารถสื่อสารกับเราได้ สำหรับพ่อแม่ท่านใดที่กำลังมีลูกอยู่ในวัยเดียวกันกับน้องปัน ปัน พ่อปัน ปัน นำวิธีรับมือกับเด็กในวัยกรี๊ดมาฝากครับ


วิธีรับมือกับเด็กในวัยกรี๊ด
1. อิสระในการเรียนรู้
ไม่ได้หมายความว่าให้ตามใจลูก แต่เด็กวัยนี้คือวัยที่กำลังเรียนรู้ ชอบสำรวจ บางครั้งด้วยความที่อยากรู้อยากเห็นพ่อแม่อาจห้ามไม่ให้เล่นบ้าง ซึ่งตรงนี้พ่อแม่ควรดูเขาอยู่ห่างๆและให้เขาลองเรียนรู้ด้วยตัวเอง เพราะหากพ่อแม่ไปห้ามลูกบ่อยๆซึ่งในบางครั้ง เขาสามารถเล่นเองได้ และไม่อันตรายนั้น เมื่อโตมาเขาจะกลายเป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง

2. วางเฉย เมื่อลูกเริ่มกรี๊ด โดยส่วนใหญ่แล้วพ่อแม่ก็จะสั่งให้หยุดเดี๋ยวนั้น ซึ่งจริงๆแล้ว พ่อแม่ควรอยู่เฉยๆ อย่าไปทำตามข้อเรียกร้องของลูก มิเช่นนั้นเมื่อเขาอยากได้อะไรเขาก็จะใช้วิธีนี้ในการเรียกร้องความต้องการ

แม้ว่าในบางครั้งเสียงกรี๊ดมากๆ ของลูก อาจทำให้พ่อแม่เกิดอาการปี๊ด…ดดด ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เหมือนกัน บางทีก็อยากตัดความรำคาญหรืออาจจะเกรงใจคนรอบข้างเวลาที่พาออกไปข้างนอก ซึ่งตรงนี้พ่อแม่ต้องใจแข็งพอสมควร เด็กๆร้องไปสักพักก็จะเหนื่อย เมื่อรู้ว่าเราไม่สนใจด้วยแล้ว เดี๋ยวก็หยุดร้องกรี๊ดได้เอง

3. เหตุผล ไม่ว่าลูกจะร้องกรี๊ดเพราะสาเหตุอะไรก็ตาม พ่อแม่ต้องพูดกับลูกด้วยเหตุผล การร้องเพราะถูกขัดใจ ก็ต้องบอกลูกว่าถ้าอารมณ์ดีๆ แล้วค่อยมาคุยกัน ซึ่งคุณแม่ต้องทำแบบนี้ให้สม่ำเสมอ อย่าทำบ้างไม่ทำบ้าง เพราะลูกจะสับสน

4. สื่อสารกับลูกให้เยอะๆ บางครั้งที่ลูกอยากได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งแต่ยังไม่สามารถอธิบายบอกได้ คุณแม่ใช้วิธีถามนำว่าลูกอยากได้อะไร จะเอาของเล่นเหรอ จะกินน้ำเหรอ อะไรทำนองนี้ เพราะลูกจะได้สื่อสารกับเราได้ง่ายขึ้น และเป็นการฝึกให้ลูกได้พูดไปด้วยในตัว โดยใช้คำพูดง่ายๆ กระชับ ถ้าพูดยาวจนเกินไปเจ้าตัวเล็กอาจจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เรากำลังจะสื่อสารด้วย ต่อไปเขาก็จะรู้จักพูดคุยกับเรา ไม่ใช่วิธีการกรี๊ดแน่นอน

5. ชื่นชม ถ้าสิ่งไหนที่ลูกทำแล้วเป็นสิ่งดี ก็อย่าลืมหยอดคำชมรอยยิ้ม หรือแสดงอาการให้เขาเห็นว่าคุณพอใจมากๆ ที่เขาทำสิ่งที่ดีๆ ลูกก็จะเรียนรู้และอยากทำในสิ่งที่พ่อแม่ชื่นชม

6. แบบอย่าง เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือการที่พ่อแม่ต้องเริ่มต้นเป็นแบบอย่างที่ดีก่อน เพราะเด็กจะเลียนแบบพฤติกรรมได้เร็วมาก หากแม่ไม่พอใจแล้วโมโหเกรี้ยวกราดใส่ลูก ลูกก็จะกรี๊ดเหมือนที่แม่ทำ

7. ได้และไม่ได้ พ่อแม่จะต้องสอนให้ลูกรู้จักคำว่าได้และไม่ได้ เพื่อให้ลูกเรียนรู้ในเรื่องของความสมหวังและผิดหวังซึ่งควรมีเหตุผลกำกับด้วยทุกครั้งว่าทำไมลูกถึงได้ ทำไมถึงไม่ได้เพราะถ้าลูกเรียนรู้ที่จะได้อย่างเดียว ลูกจะไม่รู้จักความผิดหวังแต่ถ้าลูกเรียนรู้แต่ความผิดหวัง เขาก็จะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ทุกอย่างต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของคำว่า “พอดี”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อพื้นฐานในการสอนลูกให้มีความน่ารักมายิ่งขึ้น ซึ่งพ่อแม่ต้องมีวินัยที่จะทำอย่างสม่ำเสมอ ลูกก็จะค่อยๆ เรียนรู้และปรับตัวไปตามกติกามารยาททางสังคมได้ตามวัย และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “ความรัก” ซึ่งพ่อแม่ต้องรักอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการเป็นตัวอย่างที่ดีของพ่อแม่จะช่วยให้ลูกพัฒนาด้านอารมณ์ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา:หนังสือพิมพ์ASTV ผู้จัดการ

โดยส่วนตัวแล้วพ่อปัน ปัน กับแม่ปัน ปัน จะใช้วิธีการวางเฉยเมื่อน้องปัน ปัน กรี๊ดและก็จะพูดกับน้องปัน ปัน ว่า “ไม่ดี นะลูก ปัน ปัน ต้องรู้จักรอ , หรือไม่ก็พูดกับน้องปัน ปัน ว่า ปัน ปัน ต้องการแสดงพลังเสียงใช่ไหมลูก” อีกวิธีที่พ่อปัน ปัน ทำเป็นประจำคือจะหันเหความสนใจ ไปหาอย่างอื่นๆ ที่น้องปัน ปัน ไม่ได้สนใจในขณะนั้น

พ่อแม่ท่านใดมีวิธีรับมือกับลูกน้อยในวัยกรี๊ด อย่างไรกันบ้างลองช่วยกัน Comment เข้ามานะครับ พ่อปัน ปัน จะได้นำไปปรับเปลี่ยนใช้กับน้องปัน ปัน ครับ


 Albert_Einstein

ช่วงนี้พ่อปัน ปัน กำลังเคียดเรื่องงานที่ทำอยู่ประจำ ซึ่งก็คงเหมือนๆ กับเพื่อนๆทั่วๆ ไปที่ยังเป็นมนุษย์เงินเดือนครับ เลยปล่อยให้บล็อกลูกชายว่างเว้นไปหลายวันเลยที่เดียวครับ มาวันนี้หยิบหนังสือมาอ่านแล้วเจอเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ เรื่องของเด็กๆ ก็เลยหยิบมาเขียนครับ

สำหรับเด็กและความเป็นอัจฉริยะ การเพิ่มพลังสมองนั้น ความจริงแล้วเราควรเริ่มต้นตั้งแต่ในวัยเด็กครับ จากการศึกษาและวิจัยทางประสาทวิทยาพบว่าถ้าเราส่งเสริมให้มีการพัฒนาสมอง “ซีกขวา” ของเด็กอายุตั้งแต่ 3-4 ปีขึ้นไปเขาก็จะกลายเป็นอัจฉริยะที่มีมันสมองอันปราดเปรื่องได้ในที่สุด

การพัฒนาต้องเป็นไปอย่างต่อเนื่องและถูกต้อง เพราะสมองคนเรานั้นจะมีกลไกที่เหมือนกันคือ ในวัยเด็กเล็กสมองซีกขวาจะทำงานตามสัญชาตญาณก่อน เมื่อสมองซีกซ้ายเริ่มมีพัฒนาการขึ้น สมองซีกขวาก็จะเริ่มใช้งานน้อยลง

จะสังเกตได้ว่าเมื่อเราไปเรียนหนังสือ เราจะต้องเรียนวิชาคณิตศาสตร์ วิชาสังคม ซึ่งจะเป็นการใช้สมองซีกซ้ายเสียเป็นส่วนใหญ่ หรือแม้แต่การท่องจำต่างๆ สูตรต่างๆ ทางเคมี หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวกับความจำ ก็ล้วนแล้วแต่เป้นหน้าที่ของสมองซีกซ้ายทั้งสิ้นครับ

ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ในวัยใดคนเราจึงควรมีการเพิ่มพลังสมองซีกขวาควบคู่กันไปด้วยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในเชิงสร้างสรรค์ของตัวเราเอง และไม่ทำให้สมองซีกขวาถูกทิ้งจนฝุ่นจับด้วยนั่นเอง

สมองซีกขวาคนส่วนมากใช้ประโยชน์กับมันเพียงไม่ถึง 5 % เลยก็ว่าได้เพราะสมองซีกขวาจะควบคุมเกี่ยวกับการจินตนาการ งานดนตรี ศิลปะต่างๆ ความเฝ้อฝันต่างๆ แม้แต่การเล่านิทานก็ใช้สมองซีกขวานะครับ ซึ่งจะเห็นได้ว่าคนส่วนมากมองข้ามจุดนี้ไปครับ

สมัยนี้พ่อแม่ยุคใหม่พยายามเคี่ยวเข็นให้ลูกได้ทำกิจกรรมต่างๆ ในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ไม่ว่าจะพาไปเรียนพิเศษ หรืออื่นๆ ซึ่งก็เป็นเหมือนดาบสองคมนะครับ บางครั้งลูกๆ ของเราก็ต้องการพักผ่อนในวันหยุดกับพ่อแม่เหมือนกันนะครับ อยากเล่นตามวัยของเด็กๆ แต่พ่อแม่ก็ยังบังคับให้ต้องไปทำอย่างนั้นอย่างนี้ตามคำสั่ง  ซึ่งเด็กๆ ก็เลยขาดความมั่นใจในตัวเอง เลยต้องรอทำตามคำสั่งอย่างเดียวเรียกได้ว่า “คิดไม่เป็น”

อีกหนึ่งมุมมองถ้าปล่อยให้เด็กๆ ได้คิดเองทำเองได้ใช้จินตนาการ และสามารถแสดงออกมาให้เราเห็นได้ เพียงแต่เราที่เป็นพ่อและแม่ต้องคอยเป็นพี่เลี้ยงอยู่ห่างๆ ไม่เข้าไปแทรกความคิดหรือจินตนาการของลูก (ตามความเหมาะสม) เด็กก็จะได้ใช้สมองซีกขวา และซีกซ้ายไปพร้อมๆกันได้ ซึ่งเป็นการพัฒนาสมองทั้งสองด้านครับ

หลังจากที่พ่อปัน ปัน เคยวางแผนว่าจะพาน้องปัน ปัน ไปเที่ยวฟาร์มโชคชัยแล้วพบกับ ความผิดหวัง เมื่อวันที่ 30 มค. ที่ผ่านมาน้องปัน ปัน ก็สมหวังแล้วครับ 
 
เราสามคนตื่นนอนตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัวเดินทางกัน น้องปัน ปัน ตื่นนอนตั้งแต่ 6 โมงเช้ากว่าจะเตรียมตัวเสร็จก็ประมาณ 7 โมงกว่าๆ พ่อและแม่ต้องเตรียมขวดนม เสื้อผ้า กว่าจะออกเดินทางกันก็ประมาณ 8 โมงกว่าเพราะต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ระยะทางจากบ้านปัน ปัน ไปฟาร์มโชคชัคประมาณ 90 กม. ครับ


บัตรเข้าชมฟาร์ม 11.20น
ไปถึงฟาร์มโชคชัยก็ประมาณ 10 โมงกว่าๆ ส่วนน้องปัน ปัน ยังนอนหลับอยู่ครับ ยังไม่ตื่น พ่อต้องไปรับตั๋วที่จองไว้ก่อนหน้านั้นหลายวัน เพราะกว่าจะผิดหวังอีกครับ พาเกือบถึงเวลาพ่อกับแม่ก็ปลุกน้องปัน ปัน ก็ประมาณ 11 โมงครับเพื่อเตรียมตัวเข้าไปชมในฟาร์มโชคชัย


img_tmp_01

วันนี้คงไม่มีอะไรมากเพียงแต่ได้ดูข่าวแล้วรู้สึกสลดใจ และเศร้าใจบ้างเล็กน้อยในกรณีนี้ ซึ่งจะเห็นว่าพื่อลูกแล้ว แม่ทำได้ทุกอย่าง ขอเพียงให้ลูกของตัวเองได้กินอิ่มท้อง


กรมพินิจฯ นำลูก 3 เดือนคุมร่วมกับแม่วัย 17 ปี ถูกจับขโมยนม-ผ้าอ้อม

ก.ยุติธรรม 25 ม.ค.- กรมพินิจฯ ประสานขอลูกวัย 3 เดือนส่งคืนให้แม่วัย 17 ปี ที่ขโมยนมและผ้าอ้อมจากห้างสรรพสินค้า ระบุไม่ควรให้แม่ลูกแยกกันอยู่ ยืนยันที่บ้านปราณีมีพยาบาลพร้อมดูแลเด็กเล็กอยู่แล้ว และแม้ทางห้างฯ ไม่เอาความ แต่เป็นอาญาต้องดำเนินคดีต่อ เตรียมสืบประวัติเด็กหากพบผิดครั้งแรก อาจเสนออัยการขอไม่ฟ้องเพื่อไม่ให้มีประวัติ

นายธวัชชัย ไทยเขียว อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน แถลงกรณีคดีการจับกุมหญิงสาววัยรุ่นอายุ 17 ปี ขโมยนมและผ้าอ้อมจากห้างสรรพสินค้าไปให้ลูกวัย 3 เดือน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ส่งตัวหญิงวัยรุ่นไปควบคุมตัวที่สถานแรกรับเด็กและเยาวชนหญิงบ้านปราณี ส่วนลูกวัย 3 เดือนแยกส่งไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กบ้านปากเกร็ด ว่า เข้าใจว่าพนักงานสอบสวนมีเจตนาดี เพื่อคุ้มครองเด็กอ่อนที่ไม่ได้กระทำผิดให้ได้รับการดูแลอย่างดี โดยที่ไม่ทราบว่าบ้านปราณีนั้น มีเจ้าหน้าที่พยาบาลที่สามารถดูแลเด็กอ่อนและคุณแม่วัยใสหรือหญิงที่มีบุตรตั้งแต่อายุน้อยอยู่ด้วย ดังนั้น จึงได้ประสานติดต่อเพื่อขอให้ส่งลูกวัย 3 เดือนที่ถูกแยกไปเมื่อบ่ายวานนี้ (24 ม.ค.) มาอยู่ที่บ้านปราณีแล้วเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ที่ผ่านมา

นายธวัชชัย กล่าวว่า ทราบจากเจ้าหน้าที่ว่า ตลอดทั้งคืนหญิงสาวคนดังกล่าวนอนไม่หลับเพราะต้องแยกกับลูก เมื่อทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้งจึงดีใจมาก แม่โผเข้ากอดลูก ซึ่งเด็กวัย 3 เดือนก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบรับ แม้แต่เจ้าหน้าที่ที่เห็นเหตุการณ์ก็เก็บน้ำตาไว้ไม่อยู่

นายธวัชชัย กล่าวด้วยว่า อยากแจ้งให้ทราบทั่วกันว่า ถ้ากรณีเด็กก้าวพลาดกระทำความผิด และมีลูกเล็กติดมา สามารถส่งเด็กมาที่บ้านปราณีได้ด้วย เพราะการแยกแม่และลูกออกจากกันน่าสงสารมาก โดยที่บ้านปราณีมีคุณแม่วัยใสที่ต้องคดีนำลูกมาเลี้ยงด้วย 7 คน และอยู่ระหว่างตั้งครรภ์อีก 3 คน นอกจากนี้ ยังฝากถึงผู้ประกอบการ หากพบเห็นการกระทำผิดของเด็ก และเชื่อว่าเป็นความผิดจากการพลาดพลั้ง ไม่ใช่กระทำเป็นอาชีพ ขอให้ประสานมาที่กรมพินิจฯ หรือสถานพินิจฯ ประจำจังหวัด เพื่อให้การดูแลเด็กอย่างเหมาะสม

ส่วนการดำเนินคดีกับแม่วัยใสคนนี้ นายธวัชชัย กล่าวว่า ได้แจ้งไปยังบิดามารดามาขอรับตัวเด็กหญิงคนนี้แล้ว โดยอยู่ระหว่างเดินทางมาขอรับตัวเด็ก ซึ่งหากความผิดดังกล่าวโทษไม่เกิน 5 ปี มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ก็สามารถให้ตัวบุคคลคือบิดามารดามารับโดยไม่ต้องมีหลักประกันได้

นายธวัชชัย กล่าวว่า โทษสูงสุดของหญิงวัยรุ่นคนนี้คือจำคุก 5 ปี และแม้สถานประกอบการตัดสินใจจะไม่เอาความ แต่เป็นคดีอาญาจึงหยุดดำเนินคดีไม่ได้ ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการช่วยเหลือ โดยสืบประวัติและสาเหตุแห่งการกระทำผิด โดยหากผู้อำนวยการสถานพินิจเห็นว่ามีโอกาสที่เด็กจะกลับตัวเป็นคนดีได้โดยไม่ต้องฟ้อง เพื่อช่วยไม่ให้เด็กมีประวัติติดตัว เป็นการให้โอกาสกลับตัวแก้ไขความเสียหาย ซึ่งผู้อำนวยการสถานพินิจ ต้องเสนอความเห็นต่อพนักงานอัยการ หากพนักงานอัยการเห็นชอบให้สั่งไม่ฟ้องได้ และถือว่าคำสั่งนั้นเป็นที่สุด โดยไม่ต้องส่งเด็กขึ้นศาลเยาวชน

อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือดังกล่าว มีหลักเกณฑ์ว่าโทษจำคุกต้องไม่เกิน 5 ปี เด็กต้องรับสารภาพด้วยความสมัครใจ และรับผิดชอบต่อการกระทำผิดของตน เด็กรับรู้และพยายามแก้ไขผลที่เกิดจากการกระทำของตนต่อผู้เสียหาย บิดา มารดา และผู้อื่น รวมทั้งแสดงคำขอโทษอย่างจริงใจ และให้ครอบครัวกับชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมโดยจัดประชุมกลุ่มครอบครัวและชุมชน กำหนดมาตรการลงโทษที่เหมาะสม โดยเด็กต้องไม่รู้สึกว่าถูกลงโทษโดยคนแปลกหน้า หากเด็กไม่ได้ขโมยเป็นอาชีพ ก็มีทางที่จะเสนออัยการขอไม่ฟ้องเพื่อไม่ให้เด็กมีประวัติติดตัว และนำมาเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูสำนึกผิดกลับตัวใหม่

นอกจากนั้น อธิบดีกรมพินิจฯ ยังกล่าวชมเชยเด็กหญิงคนดังกล่าวว่ามีน้ำใจของความเป็นแม่ ไม่ทำแท้งหรือทิ้งลูกในครรภ์ของตน แม้จะมีกระแสข่าวลักษณะนี้จำนวนมาก แต่ตัดสินใจเลี้ยงดูมาตลอด แม้จะมาก้าวพลาดไปในครั้งนี้ ต่างกับหลายคนที่มีความพร้อมมากกว่า แต่เพียงเพราะความละอาย ก็ตัดสินใจทำแท้งทำร้ายลูกตัวเองแล้ว.-สำนักข่าวไทย

ที่มา http://news.mcot.net/social/inside.php?value=bmlkPTEzNjQwNSZudHlwZT10ZXh0


เพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับกับเหตุการณ์นี้ สำหรับพ่อปัน ปัน บอกเพียงว่าสงสารลูกของน้องคนนี้ เพราะว่าคนที่เป็นแม่ก็อายุเพียง 17 ปี ซึ่งก็ยังเป็นเยาวชนอยู่ ความคิดความอ่านก็ยังไม่รอบครอบ รู้เพียงแต่ว่าลูกหิวนม ก็ต้องหาทางและหาวิธีทำให้ลูกอิ่มท้องก็เท่านั้นเอง เพียงแต่ว่า “หาวิธีไม่ถูกต้อง”

หลังจากที่พ่อปัน ปัน ได้เขียนเกี่ยวกับ “ความผิดหวัง” ในเรื่องของการวางแผนการณ์พาน้องปัน ปัน ไปเที่ยวซึ่งครั้งนั้นเป็นบทเรียนให้พ่อและแม่ปัน ปัน ต้องมีความรอบครอบในทุกเรื่องๆ ที่ไม่อาจจะคาดเดาเหตุการณ์ข้างหน้าได้ซึ่งที่ผ่านมานึกจะไปเที่ยวที่ไหนก็ขับรถพาน้องปัน ปัน ไปเลยก็เลยเจอกับ “ความผิดหวัง” ดังที่กล่าวมาครับ

 

 

IMG_2061

 

 

สำหรับวันนี้หลังจากที่พ่อปัน ปัน เลิกจากการฝึกอบรมเกี่ยวกับ “การอนุรักษ์พลังงาน” แล้วก็เลยถือโอกาสไปโอนเงินเพื่อเข้าบัญชี “บริษัท โชคชัยแรนซ์รีสอร์ท จำกัด” จำนวนเงินก็ 500 บาทครับ เพื่อในสำหรับการจองตั๋วเพื่อเข้าชมภายในฟาร์มโชคชัย ซึ่งพ่อปัน ปัน และแม่ปัน ปัน เคยวางแผนที่จะพาน้องปัน ปัน ไปเที่ยวครับ

 

 

IMG_2064 

 

ก่อนการจองตั๋วพ่อปัน ปัน ได้โทรศัพท์ไปสอบถามที่ฟาร์มก่อนครับว่ามีรายละเอียดอย่างๆไรบ้าง ซึ่งรายละเอียดต่างๆ พอคราวๆ มีดังนี้ครับ
-วันที่เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันอังคาร-ศุกร์ (ตั้งแต่เวลา 10.00)
-วันเสาร์-อาทิตย์ , วันหยุดราชการ (ตั้งแต่ 09.00 , 10.00 , 11.00, 13.00 , 15.00)
-ราคาค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 250 / คน , เด็กความสูงตั้งแต่ 90-140 ซม. เสีย 125 บาท / คน
-สำหรับน้องปัน ปัน เข้าชมฟรีครับเพราะว่าความสูงยังไม่ถึงครับ
***สำหรับรอบการเข้าชมฟาร์มลองสอบถามทางฟาร์มอีกครั้งนะครับ 

พ่อปัน ปัน ได้จองวันที่ 30 มค. รอบ 11.20 ครับ เป็นวันเสาร์ครับเห็นทางฟาร์มบอกว่าเต็มตั้งแต่รอบ 09.00 , 10.00 เต็มหมดแล้วครับเลยต้องจองได้รอบ 11.20น. เพราะถ้าหลังจากนั้นกลัวว่าจะกลับบ้านมืดไปหน่อย แล้วน้องปัน ปัน จะเหนี่อยครับ

ซึ่งทางฟาร์มโชคชัยเค้าจะมีกฎระเบียบต่างๆ ในการเข้าชมด้วยนะครับก็คงเหมือนๆ กับหลายๆ ฟาร์มนั่นแหละครับ เพราะอย่างน้อยฟาร์มโชคชัยก็ยังทำธุรกิจระยะยาว ก็เลยต้องมีกฎระเบียบเป็นเรื่องปกติครับ

วันนี้พ่อปัน ปัน เข้ามา Update ให้น้องปัน ปัน เพราะ “คำสัญญา” กับเด็กเป็นของคู่กันครับ ถ้าเราสัญญาอะไรไว้แล้วทำตามไม่ได้ หรือมีเหตุผลไม่มีดีพอเด็กๆ ก็อาจจะไม่เชื่อถือเรา ถึงแม้ว่าเราจะเป็นพ่อหรือว่าแม่ของเค้าก็ตามครับเพราะเด็กๆ เค้าจะเชื่อมั่นในตัวเราครับและจะชอบเลียนแบบพฤติกรรมต่างๆ ของพ่อและแม่ครับ ยิ่งน้องปัน ปัน เป็นเด็กผู้ชายด้วยแล้ว ก็จะชอบเลียนแบบพ่อของเค้า หรือว่าญาติๆ ที่เป็นผู้ชายครับ

หลังจากที่พ่อปัน ปัน ได้เขียนเกี่ยวกับ “ความผิดหวัง” ในเรื่องของการวางแผนการณ์พาน้องปัน ปัน ไปเที่ยวซึ่งครั้งนั้นเป็นบทเรียนให้พ่อและแม่ปัน ปัน ต้องมีความรอบครอบในทุกเรื่องๆ ที่ไม่อาจจะคาดเดาเหตุการณ์ข้างหน้าได้ซึ่งที่ผ่านมานึกจะไปเที่ยวที่ไหนก็ขับรถพาน้องปัน ปัน ไปเลยก็เลยเจอกับ “ความผิดหวัง” ดังที่กล่าวมาครับ

 

 

IMG_2061

 

 

สำหรับวันนี้หลังจากที่พ่อปัน ปัน เลิกจากการฝึกอบรมเกี่ยวกับ “การอนุรักษ์พลังงาน” แล้วก็เลยถือโอกาสไปโอนเงินเพื่อเข้าบัญชี “บริษัท โชคชัยแรนซ์รีสอร์ท จำกัด” จำนวนเงินก็ 500 บาทครับ เพื่อในสำหรับการจองตั๋วเพื่อเข้าชมภายในฟาร์มโชคชัย ซึ่งพ่อปัน ปัน และแม่ปัน ปัน เคยวางแผนที่จะพาน้องปัน ปัน ไปเที่ยวครับ

 

 

IMG_2064 

 

ก่อนการจองตั๋วพ่อปัน ปัน ได้โทรศัพท์ไปสอบถามที่ฟาร์มก่อนครับว่ามีรายละเอียดอย่างๆไรบ้าง ซึ่งรายละเอียดต่างๆ พอคราวๆ มีดังนี้ครับ
-วันที่เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันอังคาร-ศุกร์ (ตั้งแต่เวลา 10.00)
-วันเสาร์-อาทิตย์ , วันหยุดราชการ (ตั้งแต่ 09.00 , 10.00 , 11.00, 13.00 , 15.00)
-ราคาค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 250 / คน , เด็กความสูงตั้งแต่ 90-140 ซม. เสีย 125 บาท / คน
-สำหรับน้องปัน ปัน เข้าชมฟรีครับเพราะว่าความสูงยังไม่ถึงครับ
***สำหรับรอบการเข้าชมฟาร์มลองสอบถามทางฟาร์มอีกครั้งนะครับ 

พ่อปัน ปัน ได้จองวันที่ 30 มค. รอบ 11.20 ครับ เป็นวันเสาร์ครับเห็นทางฟาร์มบอกว่าเต็มตั้งแต่รอบ 09.00 , 10.00 เต็มหมดแล้วครับเลยต้องจองได้รอบ 11.20น. เพราะถ้าหลังจากนั้นกลัวว่าจะกลับบ้านมืดไปหน่อย แล้วน้องปัน ปัน จะเหนี่อยครับ

ซึ่งทางฟาร์มโชคชัยเค้าจะมีกฎระเบียบต่างๆ ในการเข้าชมด้วยนะครับก็คงเหมือนๆ กับหลายๆ ฟาร์มนั่นแหละครับ เพราะอย่างน้อยฟาร์มโชคชัยก็ยังทำธุรกิจระยะยาว ก็เลยต้องมีกฎระเบียบเป็นเรื่องปกติครับ

วันนี้พ่อปัน ปัน เข้ามา Update ให้น้องปัน ปัน เพราะ “คำสัญญา” กับเด็กเป็นของคู่กันครับ ถ้าเราสัญญาอะไรไว้แล้วทำตามไม่ได้ หรือมีเหตุผลไม่มีดีพอเด็กๆ ก็อาจจะไม่เชื่อถือเรา ถึงแม้ว่าเราจะเป็นพ่อหรือว่าแม่ของเค้าก็ตามครับเพราะเด็กๆ เค้าจะเชื่อมั่นในตัวเราครับและจะชอบเลียนแบบพฤติกรรมต่างๆ ของพ่อและแม่ครับ ยิ่งน้องปัน ปัน เป็นเด็กผู้ชายด้วยแล้ว ก็จะชอบเลียนแบบพ่อของเค้า หรือว่าญาติๆ ที่เป็นผู้ชายครับ

หลังจากที่พ่อปัน ปัน ได้เขียนเกี่ยวกับ “ความผิดหวัง” ในเรื่องของการวางแผนการณ์พาน้องปัน ปัน ไปเที่ยวซึ่งครั้งนั้นเป็นบทเรียนให้พ่อและแม่ปัน ปัน ต้องมีความรอบครอบในทุกเรื่องๆ ที่ไม่อาจจะคาดเดาเหตุการณ์ข้างหน้าได้ซึ่งที่ผ่านมานึกจะไปเที่ยวที่ไหนก็ขับรถพาน้องปัน ปัน ไปเลยก็เลยเจอกับ “ความผิดหวัง” ดังที่กล่าวมาครับ



IMG_2061

 

 

สำหรับวันนี้หลังจากที่พ่อปัน ปัน เลิกจากการฝึกอบรมเกี่ยวกับ “การอนุรักษ์พลังงาน” แล้วก็เลยถือโอกาสไปโอนเงินเพื่อเข้าบัญชี “บริษัท โชคชัยแรนซ์รีสอร์ท จำกัด” จำนวนเงินก็ 500 บาทครับ เพื่อในสำหรับการจองตั๋วเพื่อเข้าชมภายในฟาร์มโชคชัย ซึ่งพ่อปัน ปัน และแม่ปัน ปัน เคยวางแผนที่จะพาน้องปัน ปัน ไปเที่ยวครับ



IMG_2064 

 

ก่อนการจองตั๋วพ่อปัน ปัน ได้โทรศัพท์ไปสอบถามที่ฟาร์มก่อนครับว่ามีรายละเอียดอย่างๆไรบ้าง ซึ่งรายละเอียดต่างๆ พอคราวๆ มีดังนี้ครับ
-วันที่เปิดให้เข้าชมตั้งแต่วันอังคาร-ศุกร์ (ตั้งแต่เวลา 10.00)
-วันเสาร์-อาทิตย์ , วันหยุดราชการ (ตั้งแต่ 09.00 , 10.00 , 11.00, 13.00 , 15.00)
-ราคาค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 250 / คน , เด็กความสูงตั้งแต่ 90-140 ซม. เสีย 125 บาท / คน
-สำหรับน้องปัน ปัน เข้าชมฟรีครับเพราะว่าความสูงยังไม่ถึงครับ
***สำหรับรอบการเข้าชมฟาร์มลองสอบถามทางฟาร์มอีกครั้งนะครับ 

พ่อปัน ปัน ได้จองวันที่ 30 มค. รอบ 11.20 ครับ เป็นวันเสาร์ครับเห็นทางฟาร์มบอกว่าเต็มตั้งแต่รอบ 09.00 , 10.00 เต็มหมดแล้วครับเลยต้องจองได้รอบ 11.20น. เพราะถ้าหลังจากนั้นกลัวว่าจะกลับบ้านมืดไปหน่อย แล้วน้องปัน ปัน จะเหนี่อยครับ

ซึ่งทางฟาร์มโชคชัยเค้าจะมีกฎระเบียบต่างๆ ในการเข้าชมด้วยนะครับก็คงเหมือนๆ กับหลายๆ ฟาร์มนั่นแหละครับ เพราะอย่างน้อยฟาร์มโชคชัยก็ยังทำธุรกิจระยะยาว ก็เลยต้องมีกฎระเบียบเป็นเรื่องปกติครับ

วันนี้พ่อปัน ปัน เข้ามา Update ให้น้องปัน ปัน เพราะ “คำสัญญา” กับเด็กเป็นของคู่กันครับ ถ้าเราสัญญาอะไรไว้แล้วทำตามไม่ได้ หรือมีเหตุผลไม่มีดีพอเด็กๆ ก็อาจจะไม่เชื่อถือเรา ถึงแม้ว่าเราจะเป็นพ่อหรือว่าแม่ของเค้าก็ตามครับเพราะเด็กๆ เค้าจะเชื่อมั่นในตัวเราครับและจะชอบเลียนแบบพฤติกรรมต่างๆ ของพ่อและแม่ครับ ยิ่งน้องปัน ปัน เป็นเด็กผู้ชายด้วยแล้ว ก็จะชอบเลียนแบบพ่อของเค้า หรือว่าญาติๆ ที่เป็นผู้ชายครับ

 

วัคซีนอีสุกอีใส 

สำหรับวัคซีนอีสุกอีใสพ่อปัน ปัน ได้เขียนไว้แล้วครับ ซึ่งวัคซีนตัวนี้เป็นวัคซีนที่ไม่ใช่วัคซีบังคับ ซึ่งก็หมายถึงวัคซีนทางเลือกครับ สำหรับพ่อแม่ของน้องๆ ที่ไม่ต้องการให้ลูกเป็นอีสุกอีใสครับ ซึ่งก็ยังมีวัคซีนตัวอื่นๆ อีกครับที่เป็นวัคซีนทางเลือกแล่วพ่อปัน ปัน จะนำมาเขียนบ่อยๆ ครับ

ส่วนเรื่องการเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีนต่างๆ คุณหมอแนะนำว่าควรดูแลเด็กๆ ไม่ให้ป่วย หรือเป็นไข้ เพราะจะได้สามารถหาสาเหตุได้ว่าเด็กจะแพ้วัคซีนชนิดนั้นๆ หรือไม่ครับ เพราะเป็นผลข้างเคียงของตัววัคซีนที่เข้าไปในร่างกายเด็กครับ ซึ่งเจ้าวัคซีนมันก็เป็นสิ่งแปลกปลอมอย่างหนึ่งที่เข้าสู่ร่างกายเด็กครับ ร่างกายของเด็กก็จะเริ่มปรับตัวเพื่อยอมรับสิ่งแปลกปลอมนั้นๆ หรือไม่ อย่างไร

พ่อปัน ปัน พาน้องปัน ปัน ไปฉีดวัคซีนอีสุกอีใสในวันที่ 1 มค. 53 ที่ผ่านมาครับ การเตรียมตัวก็ไม่มีอะไนมาก พยาบาลก็ช่วยชั่งน้ำหนักของ ปัน ปัน วัดความสูง หลังจากนั้นก็ไปพบคุณหมอเพื่อตรวจร่างกายทั่วๆ ไปครับ อย่างเช่นตรวจการหายใจ ก็คือการตรวจปอดครับ ตรวจฟันของปัน ปัน ตรวจหู ตรวจการเต้นของหัวใจ และอื่นๆ ตามหลักของแพทย์ที่เรียนมาครับ

ถึงช่วงเวลาที่สำคัญคุณหมอบอกว่านำตัวน้องปัน ปัน นอนเป็นที่นอนเพื่อเตรียมฉีควัคซีน พ่อปัน ปัน ต้องกอดตัวปัน ปัน และล็อกปัน ปัน ไว้เพื่อไม่ให้น้องปัน ปัน ดิ้น พยาบาลก็ช่วยจับขาปัน ปัน เพราะปัน ปัน ดิ้นแรงมาก พร้อมทั้งร้องตะโกนเสียงดังทั่วห้องคุณหมอเลยครับ หลังจากนั้นคุณหมอก็ฉีดวัคซีนอีสุกอีใสให้น้องปัน ปัน ครับโดยฉีดเข้าที่หน้าขาของปัน ปัน น้องปัน ปัน ก็ร้องดังกว่าเดิมครับเพราะเจ็บและตกใจ จนหมอต้องแอบแซวน้องปัน ปัน ปอดแข็งแรงดีนะจ้ะ ร้องเสียงดังเชียว

สำหรับค่าใช้จ่ายเรื่องการฉีดวัคซีนเข็มนี้ก็ประมาณ 1,700 บาทครับ ซึ่งถือว่าแพงครับเพราะเป็นโรงพยาบาลของเอกชนครับ ซึ่งหลังจากที่น้องปัน ปัน ได้รับวัคซีนอีสุกอีใสเข็มแรกนี้แล้ว คุณหมอก็นัดมาฉีดวัคซีนกระตุ้นอีกครั้งตอนอายุ 4 ขวบเลยครับก็เป็นอันว่าวัคซีนอีสุกอีใสต้องฉีด 2 เข็มครับ โดยหมอจะนัดไปฉีดตามระยะห่างจากเข็มแรกเองครับ

เรื่องของวัคซีนในเด็กเล็กที่เป็นตัวเสริมยังมีอีกเยอะครับ ถ้าตอนนี้ลูกเรายังไม่ได้ไปโรงเรียนก็ไม่เป็นอะไรเพราะเราสามารถควบคุมได้ ว่าไม่ให้ลูกไปเล่นที่ไหน หรือเล่นกับใคร แต่ถ้าเมื่อไรที่ลูกเราได้ไปโรงเรียนแล้ว เราก็จะควบคุมไม่ได้เพราะเด็กๆ ต่างๆ ก็เล่นกันสนุกสนานโดยไม่รู้ว่าตัวเองไม่สบาย หรือป่วย ก็อาจจะทำให้ลูกของเราติดมาด้วยก็ได้ครับ

ปีขาล

เขียนโดย akekoksom | 23:26 | 0 ความคิดเห็น »

ปีเก่าผ่านพ้นไป ปีใหม่กำลังเริ่มต้น ก่อนอื่นพ่อปัน ปัน ต้องสวัสดีปีใหม่ครับ ถึงแม้ว่าจะผ่านมาแล้วถึง 4 วันก็ตาม ซึ่งก็เหมือนๆกับทุกๆปีที่ผ่านไปครับ ปีเก่าผ่านไปเราก็แก่ลงอีก 1 ปี ครับเด็กๆก็เติบโตตามวัยของเค้าครับ


 

ปีฉลู

      


ปีฉลู ใช้ในภาษาราชการครับ แต่ถ้าเป็นคนไทยแบบชาวบ้าน ๆ ก็เรียกว่า “ปีวัว” ครับ สำหรับปีเก่าที่ผ่านไป มีสิ่งที่น่าจดจำสำหรับครอบครัวก็คือ เป็นวันที่น้องปัน ปัน อายุครบ 1 ขวบ แล้วพ่อปัน ปัน และแม่ปัน ปัน ก็ได้เห็นพัฒนาการด้านต่างๆ ของน้องปัน ปัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การเปลี่ยนจากคลานมาเริ่มตั้งไข่ แล้วก็เริ่มเดิน จนถึงวันนี้น้องปัน ปัน วิ่งได้ปร๋อแล้วครับ นี่เป็นเพียงสิ่งที่พ่อและแม่สังเกตุเห็น และเฝ้ามองดูลูกของตนเองครับ

อีกสิ่งหนึ่งที่พ่อปัน ปัน ได้ทำเพื่อลูกชายคือได้จดทะเบียน “blogpun.com” เป็นของตัวเองซึ่งหลังจากได้ใช้บริการของ Blogger อยู่นานพอสมควร ซึ่ง blogpun ก็จดทะเบียนเมื่อวันที่ 28-09-09 ครับถ้านับถึงวันนี้ก็ถือว่าบล็อกปัน ปัน ก็มีเพื่อนๆ แวะเวียนมาทักทายน้องปัน ปัน เป็นระยะๆ พ่อปัน ปัน ก็ต้องขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วยแต่ว่าพ่อปัน ปัน จะไม่ขอกล่าวว่ามีใครบ้างครับ เพราะว่าถ้าบอกไม่หมดเดี่ยวคนที่ไม่ได้เอ่ยชื่อเค้าจะน้อยใจครับผม



ปีเสือ

เสร็จสิ้นปีเก่าไปแล้วตอนนี้ก็มาเริ่มปีใหม่ซึ่งก็คือ “ปีขาล” หรือปีเสือ นั่นเองครับ สำหรับช่วงวันปีใหม่พ่อปัน ปัน ก็กลับต่างจังหวัดไปฉลองปีใหม่กับญาติๆ แล้วก็ลูกชายครับ วางแผนว่าจะพาน้องปัน ปัน ไปเที่ยว “ฟาร์มโชคชัย” และก็ได้ไปครับ แต่ต้องผิดหวังแต่จะเป็นเรื่องอะไร เดี๋ยววันหลังพ่อปัน ปัน มาเล่าให้ฟังครับ

สำหรับการเริ่มต้นศักราชใหม่ปีนี้ หลังจากพ่อปัน ปัน กลับมาจากโคราช เพื่อมาทำงานที่ระยองต่อ ก็ต้องมาทำงานที่เพิ่มมาขึ้นเพราะด้วยหน้าที่รับผิดชอบต่างๆ ก็คงเหมือนกับเพื่อนๆ อีกหลายๆ ท่าน เพราะด้วยเศรษฐกิจแบบนี้ด้วยแล้ว ยุคที่เรียกว่า “งานเลือกคน” ครับไม่ใช่ยุค “คนเลือกงาน” แต่ว่าก็คงมีหลายคนที่พูดว่า “คับที่อยู่ได้ แต่คับใจอยู่ไม่ได้” คำๆ นี้ก็ยังใช้ได้เสมอๆ ครับ

วันนี้สมองยังไม่ค่อยแล่นครับเพราะมัวแต่คิดถึงลูกชาย เพราะได้กลับบ้านไปอยู่กับน้องปัน ปัน นานพอสมควร เรียกได้ว่าคุ้มเลยครับ พอกลับมาทำงานเลยต้องปรับตัวนิดหนึ่งไม่ให้เป็นห่วงน้องปัน ปัน เยอะครับเพราะอย่างไรเสียน้องปัน ปัน อยู่ที่โคราชก็ยังมีคุณยายคอยเลี้ยงดูและเป็นห่วงแทนเราได้ แต่ก็ยังอดคิดถึงไม่ได้ นี่แหล่ะครับหัวอกของคนเป็นพ่อและเป็นแม่ครับ