xml sitemap generator

วัยกรี๊ด

เขียนโดย akekoksom | 23:25 | 0 ความคิดเห็น »


 วัยกรี๊ด  

พูดถึงเรื่องกรี๊ด…ดดด ถ้าใช้ผิดที่ผิดเวลากคงไม่เหมาะสม แต่สำหรับวัยเด็กๆ อย่างน้องปัน ปัน เป็นการบ่งบอกว่าเป็นพัฒนาการของเด็กขึ้นมาอีกขั้นหนึ่งนะครับ เพื่อที่จะบอกให้ผู้ใหญ่รู้ว่าตัวเค้าเองมีพลังนะครับ

พ่อปัน ปัน และแม่ปัน ปัน ได้เจอกับตัวเองครับถึงเหตุการณ์ที่ลูกชาย ร้องกรี๊ดๆ เวลาที่ต้องสิ่งขออะไร ก็ตามหรือแม้แต่เวลาไม่ได้สิ่งใดๆ ทันใจก็จะกรี๊ดครับ ซึ่งบางครั้งเล่นอยู่กับเพื่อนๆ ที่เป็นพี่เวลาปัน ปัน หัวเราะดีใจแบบสุดๆ ก็ยังกรี๊ดเลยครับ

พ่อปัน ปัน กำลังจะบอกว่าเด็กในวัยขนาดน้องปัน ปัน ยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้นั่นเอง ยังแยกแยะไม่ออกว่า กรี๊ดเสียงดังๆ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น เพราะเค้ายังสื่อสารด้วยคำพูดให้เราเข้าใจยังไม่ได้ เลยต้องหาวิธีพัฒนาเพื่อจะสามารถสื่อสารกับเราได้ สำหรับพ่อแม่ท่านใดที่กำลังมีลูกอยู่ในวัยเดียวกันกับน้องปัน ปัน พ่อปัน ปัน นำวิธีรับมือกับเด็กในวัยกรี๊ดมาฝากครับ


วิธีรับมือกับเด็กในวัยกรี๊ด
1. อิสระในการเรียนรู้
ไม่ได้หมายความว่าให้ตามใจลูก แต่เด็กวัยนี้คือวัยที่กำลังเรียนรู้ ชอบสำรวจ บางครั้งด้วยความที่อยากรู้อยากเห็นพ่อแม่อาจห้ามไม่ให้เล่นบ้าง ซึ่งตรงนี้พ่อแม่ควรดูเขาอยู่ห่างๆและให้เขาลองเรียนรู้ด้วยตัวเอง เพราะหากพ่อแม่ไปห้ามลูกบ่อยๆซึ่งในบางครั้ง เขาสามารถเล่นเองได้ และไม่อันตรายนั้น เมื่อโตมาเขาจะกลายเป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง

2. วางเฉย เมื่อลูกเริ่มกรี๊ด โดยส่วนใหญ่แล้วพ่อแม่ก็จะสั่งให้หยุดเดี๋ยวนั้น ซึ่งจริงๆแล้ว พ่อแม่ควรอยู่เฉยๆ อย่าไปทำตามข้อเรียกร้องของลูก มิเช่นนั้นเมื่อเขาอยากได้อะไรเขาก็จะใช้วิธีนี้ในการเรียกร้องความต้องการ

แม้ว่าในบางครั้งเสียงกรี๊ดมากๆ ของลูก อาจทำให้พ่อแม่เกิดอาการปี๊ด…ดดด ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่เหมือนกัน บางทีก็อยากตัดความรำคาญหรืออาจจะเกรงใจคนรอบข้างเวลาที่พาออกไปข้างนอก ซึ่งตรงนี้พ่อแม่ต้องใจแข็งพอสมควร เด็กๆร้องไปสักพักก็จะเหนื่อย เมื่อรู้ว่าเราไม่สนใจด้วยแล้ว เดี๋ยวก็หยุดร้องกรี๊ดได้เอง

3. เหตุผล ไม่ว่าลูกจะร้องกรี๊ดเพราะสาเหตุอะไรก็ตาม พ่อแม่ต้องพูดกับลูกด้วยเหตุผล การร้องเพราะถูกขัดใจ ก็ต้องบอกลูกว่าถ้าอารมณ์ดีๆ แล้วค่อยมาคุยกัน ซึ่งคุณแม่ต้องทำแบบนี้ให้สม่ำเสมอ อย่าทำบ้างไม่ทำบ้าง เพราะลูกจะสับสน

4. สื่อสารกับลูกให้เยอะๆ บางครั้งที่ลูกอยากได้สิ่งใดสิ่งหนึ่งแต่ยังไม่สามารถอธิบายบอกได้ คุณแม่ใช้วิธีถามนำว่าลูกอยากได้อะไร จะเอาของเล่นเหรอ จะกินน้ำเหรอ อะไรทำนองนี้ เพราะลูกจะได้สื่อสารกับเราได้ง่ายขึ้น และเป็นการฝึกให้ลูกได้พูดไปด้วยในตัว โดยใช้คำพูดง่ายๆ กระชับ ถ้าพูดยาวจนเกินไปเจ้าตัวเล็กอาจจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เรากำลังจะสื่อสารด้วย ต่อไปเขาก็จะรู้จักพูดคุยกับเรา ไม่ใช่วิธีการกรี๊ดแน่นอน

5. ชื่นชม ถ้าสิ่งไหนที่ลูกทำแล้วเป็นสิ่งดี ก็อย่าลืมหยอดคำชมรอยยิ้ม หรือแสดงอาการให้เขาเห็นว่าคุณพอใจมากๆ ที่เขาทำสิ่งที่ดีๆ ลูกก็จะเรียนรู้และอยากทำในสิ่งที่พ่อแม่ชื่นชม

6. แบบอย่าง เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือการที่พ่อแม่ต้องเริ่มต้นเป็นแบบอย่างที่ดีก่อน เพราะเด็กจะเลียนแบบพฤติกรรมได้เร็วมาก หากแม่ไม่พอใจแล้วโมโหเกรี้ยวกราดใส่ลูก ลูกก็จะกรี๊ดเหมือนที่แม่ทำ

7. ได้และไม่ได้ พ่อแม่จะต้องสอนให้ลูกรู้จักคำว่าได้และไม่ได้ เพื่อให้ลูกเรียนรู้ในเรื่องของความสมหวังและผิดหวังซึ่งควรมีเหตุผลกำกับด้วยทุกครั้งว่าทำไมลูกถึงได้ ทำไมถึงไม่ได้เพราะถ้าลูกเรียนรู้ที่จะได้อย่างเดียว ลูกจะไม่รู้จักความผิดหวังแต่ถ้าลูกเรียนรู้แต่ความผิดหวัง เขาก็จะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ทุกอย่างต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของคำว่า “พอดี”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงข้อพื้นฐานในการสอนลูกให้มีความน่ารักมายิ่งขึ้น ซึ่งพ่อแม่ต้องมีวินัยที่จะทำอย่างสม่ำเสมอ ลูกก็จะค่อยๆ เรียนรู้และปรับตัวไปตามกติกามารยาททางสังคมได้ตามวัย และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “ความรัก” ซึ่งพ่อแม่ต้องรักอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการเป็นตัวอย่างที่ดีของพ่อแม่จะช่วยให้ลูกพัฒนาด้านอารมณ์ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ
ที่มา:หนังสือพิมพ์ASTV ผู้จัดการ

โดยส่วนตัวแล้วพ่อปัน ปัน กับแม่ปัน ปัน จะใช้วิธีการวางเฉยเมื่อน้องปัน ปัน กรี๊ดและก็จะพูดกับน้องปัน ปัน ว่า “ไม่ดี นะลูก ปัน ปัน ต้องรู้จักรอ , หรือไม่ก็พูดกับน้องปัน ปัน ว่า ปัน ปัน ต้องการแสดงพลังเสียงใช่ไหมลูก” อีกวิธีที่พ่อปัน ปัน ทำเป็นประจำคือจะหันเหความสนใจ ไปหาอย่างอื่นๆ ที่น้องปัน ปัน ไม่ได้สนใจในขณะนั้น

พ่อแม่ท่านใดมีวิธีรับมือกับลูกน้อยในวัยกรี๊ด อย่างไรกันบ้างลองช่วยกัน Comment เข้ามานะครับ พ่อปัน ปัน จะได้นำไปปรับเปลี่ยนใช้กับน้องปัน ปัน ครับ

0 ความคิดเห็น