xml sitemap generator


img_tmp_01

วันนี้คงไม่มีอะไรมากเพียงแต่ได้ดูข่าวแล้วรู้สึกสลดใจ และเศร้าใจบ้างเล็กน้อยในกรณีนี้ ซึ่งจะเห็นว่าพื่อลูกแล้ว แม่ทำได้ทุกอย่าง ขอเพียงให้ลูกของตัวเองได้กินอิ่มท้อง


กรมพินิจฯ นำลูก 3 เดือนคุมร่วมกับแม่วัย 17 ปี ถูกจับขโมยนม-ผ้าอ้อม

ก.ยุติธรรม 25 ม.ค.- กรมพินิจฯ ประสานขอลูกวัย 3 เดือนส่งคืนให้แม่วัย 17 ปี ที่ขโมยนมและผ้าอ้อมจากห้างสรรพสินค้า ระบุไม่ควรให้แม่ลูกแยกกันอยู่ ยืนยันที่บ้านปราณีมีพยาบาลพร้อมดูแลเด็กเล็กอยู่แล้ว และแม้ทางห้างฯ ไม่เอาความ แต่เป็นอาญาต้องดำเนินคดีต่อ เตรียมสืบประวัติเด็กหากพบผิดครั้งแรก อาจเสนออัยการขอไม่ฟ้องเพื่อไม่ให้มีประวัติ

นายธวัชชัย ไทยเขียว อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน แถลงกรณีคดีการจับกุมหญิงสาววัยรุ่นอายุ 17 ปี ขโมยนมและผ้าอ้อมจากห้างสรรพสินค้าไปให้ลูกวัย 3 เดือน ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ส่งตัวหญิงวัยรุ่นไปควบคุมตัวที่สถานแรกรับเด็กและเยาวชนหญิงบ้านปราณี ส่วนลูกวัย 3 เดือนแยกส่งไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กบ้านปากเกร็ด ว่า เข้าใจว่าพนักงานสอบสวนมีเจตนาดี เพื่อคุ้มครองเด็กอ่อนที่ไม่ได้กระทำผิดให้ได้รับการดูแลอย่างดี โดยที่ไม่ทราบว่าบ้านปราณีนั้น มีเจ้าหน้าที่พยาบาลที่สามารถดูแลเด็กอ่อนและคุณแม่วัยใสหรือหญิงที่มีบุตรตั้งแต่อายุน้อยอยู่ด้วย ดังนั้น จึงได้ประสานติดต่อเพื่อขอให้ส่งลูกวัย 3 เดือนที่ถูกแยกไปเมื่อบ่ายวานนี้ (24 ม.ค.) มาอยู่ที่บ้านปราณีแล้วเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.ที่ผ่านมา

นายธวัชชัย กล่าวว่า ทราบจากเจ้าหน้าที่ว่า ตลอดทั้งคืนหญิงสาวคนดังกล่าวนอนไม่หลับเพราะต้องแยกกับลูก เมื่อทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้งจึงดีใจมาก แม่โผเข้ากอดลูก ซึ่งเด็กวัย 3 เดือนก็เริ่มมีปฏิกิริยาตอบรับ แม้แต่เจ้าหน้าที่ที่เห็นเหตุการณ์ก็เก็บน้ำตาไว้ไม่อยู่

นายธวัชชัย กล่าวด้วยว่า อยากแจ้งให้ทราบทั่วกันว่า ถ้ากรณีเด็กก้าวพลาดกระทำความผิด และมีลูกเล็กติดมา สามารถส่งเด็กมาที่บ้านปราณีได้ด้วย เพราะการแยกแม่และลูกออกจากกันน่าสงสารมาก โดยที่บ้านปราณีมีคุณแม่วัยใสที่ต้องคดีนำลูกมาเลี้ยงด้วย 7 คน และอยู่ระหว่างตั้งครรภ์อีก 3 คน นอกจากนี้ ยังฝากถึงผู้ประกอบการ หากพบเห็นการกระทำผิดของเด็ก และเชื่อว่าเป็นความผิดจากการพลาดพลั้ง ไม่ใช่กระทำเป็นอาชีพ ขอให้ประสานมาที่กรมพินิจฯ หรือสถานพินิจฯ ประจำจังหวัด เพื่อให้การดูแลเด็กอย่างเหมาะสม

ส่วนการดำเนินคดีกับแม่วัยใสคนนี้ นายธวัชชัย กล่าวว่า ได้แจ้งไปยังบิดามารดามาขอรับตัวเด็กหญิงคนนี้แล้ว โดยอยู่ระหว่างเดินทางมาขอรับตัวเด็ก ซึ่งหากความผิดดังกล่าวโทษไม่เกิน 5 ปี มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ก็สามารถให้ตัวบุคคลคือบิดามารดามารับโดยไม่ต้องมีหลักประกันได้

นายธวัชชัย กล่าวว่า โทษสูงสุดของหญิงวัยรุ่นคนนี้คือจำคุก 5 ปี และแม้สถานประกอบการตัดสินใจจะไม่เอาความ แต่เป็นคดีอาญาจึงหยุดดำเนินคดีไม่ได้ ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการช่วยเหลือ โดยสืบประวัติและสาเหตุแห่งการกระทำผิด โดยหากผู้อำนวยการสถานพินิจเห็นว่ามีโอกาสที่เด็กจะกลับตัวเป็นคนดีได้โดยไม่ต้องฟ้อง เพื่อช่วยไม่ให้เด็กมีประวัติติดตัว เป็นการให้โอกาสกลับตัวแก้ไขความเสียหาย ซึ่งผู้อำนวยการสถานพินิจ ต้องเสนอความเห็นต่อพนักงานอัยการ หากพนักงานอัยการเห็นชอบให้สั่งไม่ฟ้องได้ และถือว่าคำสั่งนั้นเป็นที่สุด โดยไม่ต้องส่งเด็กขึ้นศาลเยาวชน

อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือดังกล่าว มีหลักเกณฑ์ว่าโทษจำคุกต้องไม่เกิน 5 ปี เด็กต้องรับสารภาพด้วยความสมัครใจ และรับผิดชอบต่อการกระทำผิดของตน เด็กรับรู้และพยายามแก้ไขผลที่เกิดจากการกระทำของตนต่อผู้เสียหาย บิดา มารดา และผู้อื่น รวมทั้งแสดงคำขอโทษอย่างจริงใจ และให้ครอบครัวกับชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมโดยจัดประชุมกลุ่มครอบครัวและชุมชน กำหนดมาตรการลงโทษที่เหมาะสม โดยเด็กต้องไม่รู้สึกว่าถูกลงโทษโดยคนแปลกหน้า หากเด็กไม่ได้ขโมยเป็นอาชีพ ก็มีทางที่จะเสนออัยการขอไม่ฟ้องเพื่อไม่ให้เด็กมีประวัติติดตัว และนำมาเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูสำนึกผิดกลับตัวใหม่

นอกจากนั้น อธิบดีกรมพินิจฯ ยังกล่าวชมเชยเด็กหญิงคนดังกล่าวว่ามีน้ำใจของความเป็นแม่ ไม่ทำแท้งหรือทิ้งลูกในครรภ์ของตน แม้จะมีกระแสข่าวลักษณะนี้จำนวนมาก แต่ตัดสินใจเลี้ยงดูมาตลอด แม้จะมาก้าวพลาดไปในครั้งนี้ ต่างกับหลายคนที่มีความพร้อมมากกว่า แต่เพียงเพราะความละอาย ก็ตัดสินใจทำแท้งทำร้ายลูกตัวเองแล้ว.-สำนักข่าวไทย

ที่มา http://news.mcot.net/social/inside.php?value=bmlkPTEzNjQwNSZudHlwZT10ZXh0


เพื่อนๆ มีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับกับเหตุการณ์นี้ สำหรับพ่อปัน ปัน บอกเพียงว่าสงสารลูกของน้องคนนี้ เพราะว่าคนที่เป็นแม่ก็อายุเพียง 17 ปี ซึ่งก็ยังเป็นเยาวชนอยู่ ความคิดความอ่านก็ยังไม่รอบครอบ รู้เพียงแต่ว่าลูกหิวนม ก็ต้องหาทางและหาวิธีทำให้ลูกอิ่มท้องก็เท่านั้นเอง เพียงแต่ว่า “หาวิธีไม่ถูกต้อง”

0 ความคิดเห็น